Last updated: 19 ก.ย. 2567 |
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 ก.ย. 67 พระวินยาธิการจังหวัดนนทบุรี พระปลัดสมบูรณ์ กิตติคุโณ เจ้าอาวาสวัดเรืองเวชมงคล พระครูวินัยธรสมนึก สิทธิมโน เจ้าอาวาสวัดกลางเกร็ด พระมหาสวัสดิ์ ฐิตวณฺโณ วัดบ่อ ลงพื้นที่พร้อมกับ นายโกวิทย์ กุลมี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี และกอ.รมน.จังหวัดนนทบุรี เพื่อจับกุมพระปลอมที่ทราบชื่อภายหลังคือนายบ่อพิศ แก้วแวว อายุ 55 ปี หลังถูกจับสึกเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่วัดนวลจันทร์ แต่ยังแต่งกายเป็นพระสงฆ์บิณฑบาตภายในหมู่บ้าน กฤษดานคร ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจับกุมทางเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปที่วัดบ่อ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทำการถอดผ้าเหลือง เปลี่ยนการแต่งกาย ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ยังมีการเชิญพระสงฆ์ที่ยืนบิณฑบาตอยู่กับที่ เกินเวลาที่กำหนดภายในหมู่บ้านอีกจำนวน 3 รูป มาว่ากล่าวตักเตือน
พระมหาสวัสดิ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ทางชาวบ้านได้แจ้งข่าวไปยังสำนักพุทธฯ และได้มีเจ้าหน้าที่ประสานงานมายังพระวินยาธิการของจังหวัดนนทบุรี คือท่านเจ้าอาวาสวัดกลางเกร็ดและท่านเจ้าอาวาสวัดเรืองเวชมงคล วันนี้จึงเดินทางมาพร้อมด้วยผอ.สำนักพุทธฯ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบพบพระ 4 รูป ซึ่งมี 3 รูปที่ออกมายืนบิณฑบาตอยู่กับที่ และเลยเวลา ซึ่งทั้งหมดเจ้าอาวาสของวัดที่พระสงฆ์จำวัดได้ตักเตือนแล้ว แต่ก็ยังออกไปอีก วันนี้ตนจึงเชิญตัวมาว่ากล่าวตักเตือนแล้วส่งให้ทางเจ้าอาวาสพิจารณา ส่วนอีกรูปทางต้นสังกัดคือวัดนวลจันทร์ แจ้งว่าได้จับสึกไปแล้ว แต่มาแต่งกายโดยไม่ได้รับการอุปสมบทใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบและได้ให้เปลี่ยนชุดกลับไปพร้อมดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง วันนี้ที่มาที่วัดบ่อคือจุดประสานงานของพระวินยาธิการเท่านั้น ซึ่งพระรูปที่ถูกจับสึกได้อ้างว่าทำไปเพราะความไม่รู้ และทำครั้งแรก รับปากว่าจะไม่ทำอีก ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการต่อไป
ด้านนายบ่อพิศ อ้างว่า ตนเพิ่งโดนเจ้าอาวาสวัดนวลจันทร์จับสึกว่าในวันที่ 14 ก.ย.67 โดยไม่ทราบสาเหตุว่ากระทำผิดเรื่องอะไร จากนั้นก็ได้แต่งกายห่มผ้าเหลืองมาอาศัยอยู่ที่วัดปากคลองพระอุดม เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เพราะตนเคยอยู่ที่วัดนี้ สาเหตุที่แต่งกายเป็นพระสงฆ์เพราะว่ายังคิดว่าตนเองยังเป็นพระอยู่เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุว่าโดนสึกลาสิขาด้วยสาเหตุอะไร แต่หลังจากนี้ยืนยันว่าจะไม่แต่งกายเป็นพระสงฆ์แบบนี้อีก