Last updated: 6 ธ.ค. 2567 |
นักธุรกิจสาว ร้อง ผบ.ตร. ถูกตำรวจ ภ.7 นอกเครื่องแบบ 15 นาย จับกุมเกินกว่าเหตุ 5 เดือนคดีไม่คืบ
สาวนักธุรกิจขนส่งเอกชนภาคใต้ ร้อง ผบ.ตร. ถูกตำรวจ ภ.7 นอกเครื่องแบบ 15 นาย จับกุมเกินกว่าเหตุ ทำร้ายร่างกายกลางปั๊มน้ำมัน แจ้งความกลับเอาผิด 5 เดือน คดีไม่คืบ
วันนี้ (6 ธ.ค. 67) น.ส.จุฑารัตน์ เพชรรักษ์ อายุ 49 ปี เจ้าของผู้ประกอบการขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งในภาคใต้ และ นายชาติ แก้วตาทิพย์ อายุ 53 ปี ที่ปรึกษา ก.ตร.จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วยผู้เสียหายรวม 4 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรมและให้สั่งการเร่งรัดตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจภูธรภาค 7 ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ หลังจากที่ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบจับกุมตัวกลางปั๊มน้ำมันใน จ.ราชบุรี จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ หลังจากเข้าแจ้งความมา 5 เดือนแล้ว แต่คดีไม่คืบหน้า โดยมีภาพคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานชัดเจน
น.ส.จุฑารัตน์ กล่าวว่า ในวันดังกล่าวได้มีการพูดคุยและตกลงกับผู้เช่าว่านำรถมาคืนและรับเงินค่าเยียวยาที่ถูกยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดเป็นจำนวน 350,000 บาท ที่ร้านกาแฟภายในปั๊มน้ำมัน ซึ่งขณะนั้นก็ได้มีการตรวจเอกสาร ก่อนจะออกจากร้านกาแฟมาตรวจรถ และส่งมอบรถพร้อมกุญแจ รวมทั้งเซ็นเอกสารที่ท้ายรถบรรทุกสิบล้อคันดังกล่าว ซึ่งจอดอยู่หน้าปั๊มน้ำมัน โดยทางผู้ให้เช่าได้มีการจ่ายเงิน ซึ่งโยนเงินใส่ที่ตักให้ 200,000 บาท ส่วนอีก 150,000บาท เนื่องจากตนเองทำธุรกิจกับคู่กรณีมานาน จึงยอมให้ผ่อนจ่าย 3 เดือนก็ได้
จากนั้นผู้ให้เช่าได้มีการชักชวน เรียกให้ตนนับเงินที่ท้ายรถเก๋งภายในปั๊มน้ำมัน ตนก็ปฏิเสธบอกว่าไว้ใจไม่นับก็ได้ แต่ผู้ให้เช่าก็ยืนยันจะให้ตนนับเงิน ตนจึงเดินตามมานับเงินที่ท้ายรถเก๋ง ขณะที่นับเงินอยู่ที่ท้ายรถเก๋งคันดังกล่าว จู่ ๆก็มีชายฉกรรจ์ ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นตำรวจเดินมาจับกุมและล็อกคอใส่กุญแจมือกดลงกับพื้นจนได้รับบาดเจ็บ โดยไม่มีการแสดงหมายค้นหรือหมายจับ พฤติกรรมที่กระทำกับตนเองเหมือนเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง อีกทั้งยังอ้างว่าทำไปตามคำสั่งของผู้บัญชาการ ซึ่งตนไม่รู้ว่าเป็นใคร ทำไมถึงยิ่งใหญ่กันเหลือเกิน สั่งให้จับกุมทำรุนแรงกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งที่เป็นการคืนรถตามปกติ
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุตนเองและผู้เสียหายได้ไปร้องเรียนตำรวจภูธรราชบุรี , ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมและตำรวจภูธรภาค 7 แต่ผ่านมา 5 เดือนเรื่องเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ กับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวอีกทั้งผลสอบวินัยของตำรวจภูธรภาค7 ออกมาว่าตำรวจทั้งหมดไม่มีความผิดใด ๆ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ซึ่งหากปฏิบัติหน้าที่ได้ดี วันนี้ตนเองคงไม่มายืนอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และจากนี้จะไปร้องที่กระทรวงยุติธรรม และสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าตนเองจะสู้จนถึงที่สุดในการที่ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกาย
ด้าน นายชาติ กล่าวว่า ตนเองเป็นคนหนึ่งที่ถูกจับกุมใส่กุญแจมือ กดหัวลงกับพื้น เหยียบทับบริเวณเอวจนบาดเจ็บ ทำการจับกุมอย่างโหดเหี้ยมเหมือนเป็นนักโทษค้ายาเสพติด และไม่ได้แจ้งว่าเป็นตำรวจ แต่ไปทราบเมื่อถูกนำตัวไปที่ สภ.ปากท่อ ทั้งที่ตนเองไม่ได้ทำผิด และไม่ถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี โดยชุดจับกุมแจ้งว่าจะดำเนินคดีแค่ น.ส.จุฑารัตน์ คนเดียว แต่กลับใส่กุญแจมือนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงไปแจ้งความเอาผิดชุดจับกุม 15 นาย เป็นตำรวจนครปฐม 7 นาย และ ราชบุรี 8 นาย แต่คดีไม่คืบหน้า จึงอยากให้ ผบ.ตร. เร่งรัดคดีดังกล่าว พร้อมระบุตนเป็นที่ปรึกษา ก.ตร.สมุทรปราการ ทำงานร่วมกับตำรวจมา 10 กว่าปี ไม่เคยเจอกับตัว วันนี้ตำรวจจับกุมมาทำร้าย ทำให้รู้สึกหมดศักดิ์ศรี เพราะตนเองทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของตำรวจที่ประพฤติมิชอบ แต่วันนี้ถูกตำรวจกระทืบ พอขอความเป็นธรรมกับ ผบช.ภ.7 ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า