Last updated: 3 มิ.ย. 2566 |
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมาเวลา 10.00 น. ตนได้เดินทางไปพบ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม หลังจากได้รับหมายเรียกข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาจากพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีร่วมกับบุคคลต่าง ๆ และสื่อมวลชนอีกกว่า 16 ราย หลังจากที่ตนได้ไปร้องเรียนขอให้ตรวจสอบจริยธรรมอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าการเสนอแต่งตั้ง ผช.เลขารอง ปธ.สภาฯเป็นข้าราชการการเมืองฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเคยต้องโทษในคดีอาญาถือว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายหรือไม่
นอกจากนั้นยังมีผลมาจากการไปร้องเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบก เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าอดีต ผช.เลขารอง ปธ.สภาฯคนดังกล่าว ซึ่งอ้างว่าจบการศึกษาระดับหลายวุฒิจนถึงปริญญาเอกนั้น ได้เข้าเรียนหลักสูตรหนึ่งในโรงเรียนเสนาธิการดังกล่าวใช้วุฒิที่ ก.พ.รับรองมาสมัครหรือไม่ด้วย ซึ่งการร้องเรียนตรวจสอบดังกล่าว ทำให้บุคคลดังกล่าวแจ้งความเอาผิดตนฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และยังแจ้งความเอาผิดสื่อมวลชนต่างๆที่ไปรายงานข่าวดังกล่าวด้วย และยังมีการแจ้งความบุคคลต่าง ๆ ไว้อีกมากที่ สภ.เมืองนครพนมที่เดียวกันกว่า 16 รายด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา ที่ตนได้นำทีมผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการออกหมายเรียกของสภ.เมืองนครพนม เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กรณีถูกพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ออกหมายเรียกให้เดินทางมาให้ปากคำที่ สภ.นครพนม ในหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะหลังสุดจากคดีหมิ่นประมาท หลังถูกเปิดโปงข้อมูลปมวุฒิการศึกษาในการสมัครเข้าเรียนหลักสูตรเสนาธิการ จนมาถูกถอดถอนจากการเป็นผู้สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการ จากวิทยาลัยเสนาธิการทหารในท้ายสุด
นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา เคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ 2560 ให้การรับรองและคุ้มครองสิทธิในการตรวจสอบของประชาชน ไม่เคยเอ่ยชื่อบุคคลใดที่เป็นการเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นแต่อย่างใด “เราเอ่ยแต่เพียงชื่อตำแหน่งของบุคคลนั้นๆ อาทิ การระบุถึงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภาฯ เป็นต้น จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโดยตรงหรือดูหมิ่น” เพราะข้าราชการและหรือนักการเมืองกินเงินเดือนและค่าตอบแทนตำแหน่งจากภาษีของประชาชน ทุกคนต้องถูกตรวจสอบได้ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
ส่วนคดีนี้จะเป็นการใช้กฎหมายปิดปากหรือไม่ นายศรีสุวรรณ บอกว่า ก็อาจเป็นเช่นนั้น แต่แม้ว่าจะเป็นการใช้กฎหมายปิดปาก แต่ก็ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่า มีความเป็นธรรมเสมอ โดยตนและผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ๆ ก็สามารถใช้สิทธิในการเรียกร้องและขอโอนย้ายคดีมาที่ส่วนกลางได้ ซึ่งเชื่อว่า ผบ.ตร.จะมีคำสั่งในเร็ว ๆ นี้ นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด