Last updated: 1 พ.ค. 2564 |
น้ำมันปาล์มหายไปจากตลาด ตกลงว่าเราชนะ หรือเขาชนะ !!!
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 เกิดเหตุการณ์ราคาผลปาล์มหน้าสวนตกต่ำ เกษตรกรชาวสวนปาล์มออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ เกษตรกรคือกลุ่มที่เรียกร้องให้ช่วยเหลือยามที่ผลผลิตราคาตกต่ำอยู่เสมอๆ บ้างก็เดินทางมากินนอนที่หน้าทำเนียบ บ้างก็ปิดถนนแถวบ้าน ปิดจวนผู้ว่า ที่เอาผลผลิตมาเผาทำลายทิ้งก็มีให้เห็นกันบ่อยๆ มีคนเคยถามผมว่า ตอนที่ผลผลิตราคาดี ได้เงินกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย ร่ำรวย ชาวไร่ชาวสวนเหล่านี้เคยเสียภาษีเงินได้หรือไม่
เมื่อการประท้วงของชาวสวนหนักขึ้น หัวเรือใหญ่กระทรวงพาณิชย์ต้องจี้ให้กรมการค้าภายในรีบจัดการโดยด่วน ซึ่งกรมการค้าภายใน(คน.)ตอนนั้นรับบัญชา ขอรับท่าน แล้วแก้ไขปัญหาด้วยการฉีกตำราเศรษฐศาสตร์ทุกเล่มทิ้งหมด ใช้หลักการแหวกแนว ด้วยการออกประกาศขอความร่วมมือห้างร้านค้าปลีกใหญ่น้อยให้ยกเลิกการทำโปรโมชั่นน้ำมันปาล์มขวดขนาด 1 ลิตร ซึ่งตอนนั้นจะขายกันระหว่าง 25-28 บาท ท่านบอกว่า เฮ้ย...คุณขายปลีกราคานี้ได้ยังไง ขายถูกไป คุณคิดว่าคนไทยจนหรือไง คุณต้องขายในราคาที่ไม่ต่ำกว่าขวดละ 31.25 บาท แล้วไปซื้อน้ำมันปาล์มขวดจากโรงงานในราคาที่สูงขึ้น แบ่งๆกำไรกันไป เพื่อที่โรงงานจะไปเพิ่มราคาซื้อผลปาล์มสดจากสวนให้ได้ในราคากิโลกรัมละ 3 บาท ( ซึ่งถ้าเขาไม่ซื้อในราคากิโลกรัมละ 3 บาท ก็ไม่มีกฎหมายอะไรไปจัดการเขาได้ ) เมื่อบอกวิธีการกับห่วงโซ่น้ำมันปาล์มขวดจนครบถ้วนหน้า ผู้ใหญ่จากกรมการค้าภายในคนนั้นก็ยิ้มกริ่ม เปล่งเสียงออกมาว่า ไชโยๆ เราแก้ปัญหาราคาผลปาล์มสดได้แล้ว แต่ทางเจ้าสัวค้าปลีกร้องถามว่า ท่านครับ ถ้าขึ้นราคาแล้วอั๊วก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้นอีก อั๊วไม่อยากได้ๆๆๆ แค่นี้อั๊วก็รวยสะดือปลิ้นแล้ว เอาอย่างนี้ อั๊วจะขายราคาปลีกที่ขวดละ 35 บาทก็แล้วกัน เผื่อไว้ทำโปรโมชั่น อิๆๆๆ
การแก้ปัญหาราคาปาล์มสดด้วยการผลักภาระขึ้นราคาน้ำมันปาล์มขวดไปให้ผู้บริโภคเป็นผลงานสุดขีดคลั่งชนิดที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ทราบวิธีการนี้ถึงกับงุนงงแล้วบอกว่า THAILAND ONLY บางคนต้องลาออกไปทำงานอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ผู้ใหญ่ใน คน.ได้รับคำชมจากกระทรวงพาณิชย์อย่างมากมาย เพราะการร่วมมือร่วมใจระหว่างกรมการค้าภายในกับเจ้าสัวค้าปลีกและโรงงานน้ำมันปาล์มขวด ทำให้ปัญหาคลี่คลาย ราคาผลปาล์มสดขยับขึ้นมาเรื่อยๆ จนชาวสวนปาล์มรวย ซื้อรถใหม่ป้ายแดง ออกมอเตอร์ไซค์ ถอยไอโฟน เกลื่อนสวน ฐานเสียงมีสุข หัวคะแนนก็มีสุข นักการเมืองก็มีสุข ความสุขของชาวสวนปาล์มมีต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงเดือนมกราคม 2564 ราคาน้ำมันปาล์มขวดขนาดหนึ่งลิตรก็พุ่งไปขวดละ 42 บาท แพงพอๆกับน้ำมันถั่วเหลือง ราคาผลปาล์มสดพุ่งทะยานไปแตะที่กิโลกรัมละ 6-7 บาท แล้วราคาน้ำมันปาล์มขนาดหนึ่งลิตรขวดละ 25-28 บาทก็สาบสูญจากประเทศไทยชั่วกาลปาวสาน กรมการค้าภายในไม่คิดหาทางทำให้ราคามันลดลงมาหรือครับ
กุมภาพันธ์ 2564 ท่ามกลางกระแสสารพัดโครงการจากรัฐบาลในการเยียวยาประชาชนจากสถานการณ์โควิด ไม่ว่าจะเป็นบัตรคนจน คนละครึ่ง หรือเราชนะ น้ำมันถั่วเหลืองขยับราคาขึ้นไปที่ขวดละ 50 กว่าบาท และแล้วน้ำมันปาล์มก็อันตรธานหายไปจากตลาดได้นานกว่าหนึ่งเดือน ไม่ทันที่กรมการค้าภายในจะได้โชว์ฝีมือแก้ไขปัญหา น้ำมันปาล์มหายไปไหน? ทั้งที่ราคาก็แพงขนาดนี้ยังใจแข็งไม่ยอมเอาออกมาขายอีก มีเสียงแว่วๆมาจากสายลมและแสงแดดบอกว่า น้ำมันปาล์มไม่ได้หายไปไหนหรอก เขาก็เก็บไว้ในโกดังนี่แหละ รอเงินเราชนะออก ก็จะเอาออกมาวางขาย โดยเฉพาะร้านธงฟ้า แต่ไม่ขายราคาเดิมนะ ต้องปรับราคาใหม่เอาเบาะๆซักขวดละ 50 บาท...เอ หรือว่า 55 บาทดี ขอวางแผนการตลาดก่อน แล้วจะประกาศราคาอีกที ว่าแต่ว่าขึ้นราคาครั้งนี้ไม่ใช่แผนช่วยชาวสวนปาล์มนะ แต่เป็นแผนแบ่งกำไรกันอีกครั้ง ประชาชนก็จงอยู่ที่รากหญ้าต่อไป ตกลงว่าเราชนะ หรือเขาชนะวะ !!!