มาร่วมกันสักฉาด !!! เรื่องปืนได้มาง่ายๆ

GUNGUNGUN

 

แฟนคลับวาฬเกยตื้นเห็นจั่วหัวแล้วกรี๊ดสลบ เพราะนึกว่าผมกำลังจะเขียนถึงเรื่อง GUNGUN นักร้องเจ้าของเพลง “วาฬเกยตื้น” ที่ปัจจุบันเรียกยอดวิวไปได้ 187 ล้านวิว

ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่ GUNGUN แต่เป็น GUNGUNGUN หมายถึง ปืนสามกระบอก ที่ผมเห็นจากข่าวที่ ผู้อำนวยการโรงเรียนคนหนึ่งเป็นผู้ครอบครอง ปืนสั้นลูกโม่ขนาดจุด 38, ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาดจุด 45 และปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นกระสุนขนาดเดียวกันกับที่ใช้สังหารน้องหลิวอายุในขณะนั้น 19 ปี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2555 หรือ 8 ปีที่แล้วที่น้องหลิวหายไปอย่างลึกลับ จนนำมาสู่การพิสูจน์ DNA จากศพนิรนามว่าคือน้องหลิว

เรื่องคดีความผมจะไม่ลงใยรายละเอียดนะครับ ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินการกันไป แค่ที่อยากจะพูดคือ ทำไมผอ.คนนั้นจึงสามารถขออนุญาตครอบครองปืนได้ถึงสามกระบอก เขามีความจำเป็นอะไร? เป็นข้าราชการการศึกษาต้องครอบครองปืนด้วยหรือ ซึ่งเมื่อครอบครองแล้วก็สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสบายใจเฉิบ เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด และตัวเองเป็นถึงผอ.โรงเรียนข้าราชการระดับสูง ตำรวจในท้องที่อาจปล่อยๆเพราะเห็นเป็นข้าราชการด้วยกันหรือไม่?

เชื่อหรือไม่ครับว่าโทษในการพกพาอาวุธปืนในประเทศไทยนั้นเบาหวิวมาก  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 บัญญัติหลักเกณฑ์ความผิดไว้กว้างๆว่า "ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดย เปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มี ขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน หนึ่งร้อยบาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น " ซึ่งอาวุธนั้นจะต้องอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะใช้งาน เช่น ถอดแมกกาซีนกระสุนออก หรือเก็บปืนไว้ที่ท้ายรถในกล่อง คนที่รู้กฎหมายย่อมไม่พกพาด้วยการเหน็บไว้ที่เอว วางไว้บนตักขณะขับรถ พร้อมหยิบฉวยได้ทันที  ถ้าเป็นตามนี้อาจโดน พรบ.อาวุธปืนมาตรา 8 ทวิ ตามมาตรฐานของศาลในกรณีนี้หากรับสารภาพก็จะโดนลงโทษจำคุก 6 เดือน นี่แหละครับคือสาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยกล้าพกปืนไปไหนมาไหน คดีฆ่ากันตายซึ่งหน้าจึงเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน คดีน้องหลิวก็เช่นกัน แต่หากเรามีกฎหมายห้ามครอบครองห้ามพกพาอาวุธทุกชนิดที่มีบทลงโทษหนักๆ  วันนั้นน้องหลิวอาจไม่ตายก็ได้ เธออาจแค่โดนทำร้ายร่างกายเท่านั้น

จีน ไม่อนุญาตให้พลเรือนพกพาอาวุธปืนได้เลยในทุกกรณี

โรมาเนีย อนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐในการครอบครองอาวุธปืน และต้องประเมินทางด้านจิตวิทยาทุก 5 ปี

มาเลเซีย ครอบครองและใช้อาวุธปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โทษประหารชีวิตสถานเดียว

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนกันซะที เลือกทางใดทางหนึ่งเลยดีไหม ครอบครองได้หรือไม่ได้ ถ้าไม่ได้ ก็แก้บทลงโทษหนักให้เทียบเท่ามาเลเซียเลย สูงสุดประหารชีวิต หรือถ้าคิดว่าประชาชนทั่วไปยังจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธปืนครอบครอง ผมขอเสนอทางออกไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ออกกฎหมายด้วยแนวคิดว่า  

“ครอบครองปืนได้ แต่ไม่ให้กันง่ายๆ”

ผู้ที่ต้องการครอบครองอาวุธปืนต้องเข้าทดสอบข้อเขียนความรู้เบื้องต้นในการใช้อาวุธปืนที่ตัวเองแจ้งความประสงค์ไว้  ต้องรู้การใช้ การป้องกัน การบำรุงรักษาปืนชนิดนั้นๆ ทดสอบทางด้านจิตวิทยา ทดสอบด้านสมรรถนะทางร่างกาย ตามด้วยทดสอบการยิงปืนจริง ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ขออนุญาตและคนรอบตัว หากผ่าน ต้องวางหลักทรัพย์หรือบัญชีเงินสดจำนวนที่มากพอที่จะชดใช้ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ครอบครองปืนในอนาคต เมื่อครบตามนี้ทางการจึงจะออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนตามที่ร้องขอได้เพียงครั้งเดียวภายในระยะเวลาที่กำหนด  และเมื่อซื้อแล้วจะต้องแจ้งให้ทางการทราบว่าจัดเก็บอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ตรงไหนของบ้าน  หากมีการยิงเกิดขึ้นในทุกกรณีจะต้องนำปลอกกระสุนและอาวุธปืนมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกครั้ง หลังจากนั้นผู้ครอบครองจะต้องนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่ครอบครองมาให้ตรวจสอบ พร้อมเข้ารับการทดสอบข้อเขียนและด้านอื่นๆเหมือนครั้งแรกในทุกๆหนึ่งปี หากใครทำความผิดอันเกิดจากอาวุธที่ครอบครองในทุกกรณี จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต ริบเงินประกันทั้งหมด และโดนลงโทษทางคดีอาญาด้วยโทษสูงสุด

ดีไหมครับแบบนี้...ใครอยากครอบครองปืนก็ต้องผ่านกระบวนการสแกนแบบละเอียด

อย่าอนุญาตง่ายๆเหมือนอย่างวันนี้เลยครับ 

คดีที่เกิดจากอาวุธปืนจะลดลงทันตาเห็นครับ 

พวกที่ครอบครองก่อนหน้าก็ต้องนำอาวุธมารายงานตัวเริ่มต้นกันใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง

 

ผอ.กอล์ฟซื้อท่อเก็บเสียง(ง่ายดาย) มาใช้สวมปืนของพ่อปล้นร้านทองยิงคนตายที่ลพบุรี

ผอ.ที่เทพาสงขลา ชักปืนหน้านักเรียนทั้งโรงเรียน ประกาศกร้าว “ผอ.จะทำเรื่องนี้ให้ดังกว่าที่เขาทำ...” และ

ผอ.ผู้ต้องสงสัยฆ่าน้องหลิว ครอบครองอาวุธปืนสามกระบอก

ผมว่าเป็นครูบาอาจารย์แล้วครอบครองปืนนี่                                                                                                                                   ออกเป็นกฎกระทรวงห้ามโดยเด็ดขาดเลย

ดีไหมครับท่านรัฐมนตรีฮวีพารัม?­­