Last updated: 1 พ.ค. 2564 |
ยอมเจ็บเพื่อจบ...ดีไหม?
วันนี้ (14 มี.ค.2564) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์ COVID-19 และกรณีพบผู้ติดเชื้อที่ตลาดบางแค จำนวน 85 คนเบื้องต้นจากการตรวจเชิงรุก และรอรายงานตัวเลขเพิ่มเติม ซึ่งกรณีของตลาดบางแค หรือตลาดสดบางแค เป็นตลาดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม และมีตลาดย่อย 6 แห่งติดเรียงกันอยู่ในนี้ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่เพื่อดูสภาพปัญหาจริง และวางแนวทางในการป้องกัน เนื่องจากตลาดแห่งนี้ มีคนไม่ต่ำกว่า 1,000 คนตลอดเวลา
ผมอยากจะหัวเราะเป็นภาษาสเปน ตรงที่บอกว่ามีคนไม่ต่ำกว่า 1,000 คนตลอดเวลาของเนื้อข่าวที่ผมเอามาลง ผมเข้าใจนะว่าท่านแถลงข่าวก็ไม่อยากให้ประชาชนแตกตื่น แต่พูดให้ดูเบาทั้งๆที่มันไม่เบา แทนที่จะเป็นผลดีผมว่ามันกลับส่งผลร้ายมากกว่านะ ประชาชนจะขาดความระมัดระวัง ประมาท เพราะคิดว่าไม่มีอะไร ไม่เป็นไร อันอาจนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่ของการระบาดของโควิด-19 ก็ได้
ดลุ่มตลาดสดในย่านบางแคประกอบด้วย ตลาดสิริเศรษฐนนท์ (แสงฟ้าเก่า), ตลาดศูนย์การค้าบางแค, ตลาดกิตติ, ตลาดภาสม, ตลาดใหม่บางแค และตลาดวันเดอร์ รวม 6 ตลาด มีแผงขายของรวมกันไม่น้อยกว่า 1,000 แผง สมมติให้มีคนขายแผงละ 1 คน เฉพาะคนขายก็มากกว่า 1,000 คนแล้ว ไหนจะชาวเมียนมาร์ที่รับจ้างเข็นของอีกเป็นร้อยคน ซึ่งคนกลุ่มนี้แหละที่โคตรอันตรายในการแพร่เชื้อ ระหว่างเข็นของไปมาเขาจะเอาหน้ากากลงมาใต้คาง ส่งเสียงทักทายกันตลอดทาง น้ำลายฟุ้งกระจายไปทั่ว และที่หนักที่สุดที่เป็นผู้ชายเกือบทุกคนจะสูบบุหรี่ไปเข็นของไป สูบไปพ่นควันไป คนอื่นๆเช่นพ่อค้าแม่ค้าลูกค้าที่หายใจเข้าไปจะเหลืออะไรครับถ้าในกลุ่มควันเหล่านั้นผสมเชื้อโควิด นอกจากคนขายคนเข็นของแล้วจำนวนลูกค้าตีเสียว่า 100 คนต่อแผงต่อวัน คือถ้าแผงไหนมีคนซื้อไม่ถึง 100 คนต่อวันก็ไม่น่าจะอยู่ได้ ลูกค้าต่อวันก็รวมประมาณมากกว่า 100,000 คนแล้วนะครับ ผมว่ามีคนเป็น 10,000 คนในทุกๆชั่วโมง และคนเหล่านี้ก็มารับเชื้อไปแพร่ต่อที่จังหวัดต่างๆใกล้เคียงเช่นนนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และเพชรบุรีแล้วตามที่เป็นข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานครแจ้งเตือนให้ประชาชนที่เดินทางไปตลาด 6 แห่งในพื้นที่เขตบางแค ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. – 13 มี.ค.2564 ให้เข้าไปลงทะเบียนในเว็บ BKKcovid-19 เพื่อท่านจะได้อยู่ในฐานข้อมูลเพื่อตรวจหรือติดตามท่านต่อไป ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวรวมประมาณ 22 วัน จากฐานข้อมูลคนหมุนวียนต่อวันที่กลุ่มตลาดบางแค ผมว่ารวมๆแล้วน่าจะเกิน 1,000,000 คน กลุ่มคนที่เสี่ยงผมมองว่าอันดับแรกเลยคือชาวเมียนมาร์ เพราะพวกเขามีปฏิสัมพันธ์โยงใยไปตลาดอื่นด้วย รองลงมาคือพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง และรถพุ่มพวง เพราะคนพวกนี้มาจ่ายตลาดทุกวัน และนำไปขายต่อและพฤติกรรมจะต้องพบปะกับผู้คนอีกจำนวนมากในแต่ละวัน หากกลุ่มคนพวกนี้ติดโควิดมา จะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ได้โดยง่าย ยังไงก็ขอวอนให้ทุกท่านที่เคยไปจ่ายตลาดและทำงานอยู่ที่กลุ่มตลาดบางแคโปรดลงทะเบียนแสดงตนด้วยครับ
ผมมีข้อเสนอไปยังรัฐบาลขอให้เรายอมเจ็บหนักๆกันสักครั้ง เพื่อรักษาโควิดให้มันจบเสียที ด้วยการล้างไพ่แรงงานต่างชาติให้กลับไปประเทศของตัวเองให้หมด แล้วไปทำเรื่องตรวจโควิดพร้อมการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อยก่อน จึงจะสามารถกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้อีกครั้ง ขณะเดียวกันให้แต่ละตลาดทำการลงทะเบียนทุกคนที่เกี่ยวข้องและเข้ามาในตลาด แม้จะเป็นผู้มาซื้อก็ต้องลงทะเบียน เพื่อทำการตรวจหาโควิดให้ครบแบบ 100% อาจจะทำให้เจ็บกันถ้วนหน้า อาจใช้เวลา แต่มันจะจบ ถ้าเราเริ่มคัดกรองกันใหม่ ขอเน้นว่าต้องแยกแรงงานต่างชาติดออกจากประเทศก่อนครับเพื่อให้พวกเขาไปสกรีนตัวเอง ทุกคนต้องคลีนพอที่จะกลับมาทำงาน นี่คือความรับผิดชอบสำหรับแรงงานต่างชาติทุกคน สมัยผมเริ่มทำงานบริษัทใหม่ๆผมก็ต้องไปตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงาน แล้วทำไมเราต้องยกเว้นเรื่องนี้กับแรงงานต่างชาติ เมื่อทำตามนี้ทุกๆอย่างจะค่อยๆกลับมาดีขึ้น การควบคุมการป้องกันก็จะทำได้ง่ายขึ้น เราเสียเวลากันมาเป็นปีแล้ว จะเสียเวลากันอีกสักระยะเพื่อให้จบดีไหมครับ เพราะตอนนี้ดูเหมือนเรากำลังวิ่งตามโควิด ซึ่งตามไม่ทันครับ จากตลาดกุ้ง มันมาตลาดบางแคแล้ว ต่อไปมันจะไปไหนครับ ท่านรัฐมนตรีลงพื้นที่ แล้วสั่งการโน่นนี่นั่น เท่ากับเราวิ่งตามมันครับ
พ่อค้ารถพุ่มพวงและแม่ค้าขายข้าวแกงที่ไปตลาดบางแคทุกวันที่ผมรู้จัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องไปลงทะเบียนเพื่อติดตามตัว แล้วกรุงเทพมหานครจะทราบไหมว่าเขาอยู่ในข่ายที่ต้องติดตามตรวจเชื้อ พวกเขารู้แต่ว่าตอนนี้ตลาดบางแคปิด...ฉันก็เปลี่ยนไปซื้อที่ตลาดบางบอนแทน
ผมไม่อยากจะจินตนาการต่อว่า “วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดบางบอน?”