Last updated: 19 พ.ค. 2564 |
วันก่อนหมอหนูท่านประกาศกร้าวจะให้มีการฉีดวัคซีนแบบ walk in มาวันนี้ท่านนายกรัฐมนตรีบอกในที่ประชุมครม.ว่ากลัวคนจะมาแย่งกันฉีดแล้ววัคซีนไม่เพียงพอ ขอเปลี่ยนเป็น on site registrationแทน ประชาชนคนไทยงวยงงกับท่านผู้บริหารจริงๆครับ การแย่งซีนกันแบบนี้ไม่ต่างจากหนังจีนฮ่องกงยอดฮิตในอดีตที่ชื่อว่า “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” เลยครับ เจ้าของแนวคิด walk in ได้แต่นั่งเงียบ กล่าวเพียงสั้นๆว่า “ตามที่ท่านนายกฯสั่งการครับ” สีหน้าเงียบขรึม ยากที่จะหยั่งความรู้สึกในใจ
ผมนึกถึงหลักการตลาดเบื้องต้น 4P’s ที่ถูกสอนและนำมาใช้ในแผนการตลาดมากมายที่เคยทำมาหากินเลี้ยงตัวเองมาครับ ผมว่าหลักการนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องนะครับ ไม่เว้นแม้แต่การฉีดวัคซีน มาดูกันครับ
P ตัวแรก คือ Product เราต้องจัดซื้อวัคซีนในจำนวนที่เพียงพอต่อการฉีดให้ได้ครบตามเป้าหมาย ซึ่งในส่วนนี้ผมว่ารัฐบาลก็ทำได้ดีอยู่แล้ว เราน่าจะได้วัคซีนมากเพียงพอที่จะฉีดให้กับประชาชนแล้วครับ
P ตัวที่สอง คือ Price ราคาในการฉีด ฟรีครับ สำหรับคนไทยทุกคน แต่เราต้องการรณรงค์ให้คนมาฉีดให้ได้มากที่สุด เราต้องแจ้งไปเลยว่า หากคุณไม่มาตามที่เรากำหนด แล้วเกิดเปลี่ยนใจอยากจะฉีด ก็ต้องจ่ายเงินเองแล้วนะครับ และที่สำคัญต่อจากนี้ไป เมื่อคุณไม่ฉีดที่จัดโดยรัฐบาลในครั้งนี้แล้ว หากคุณเกิดติดโควิด19 ขึ้นมา คุณต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลด้วยตัวเองนะครับ และถ้าจะเอาแบบแรงๆก็ตัดสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นเราชนะ คนละครึ่ง หรืออื่นๆที่ออกมาเพื่อช่วยประชาชน เพราะการที่คุณไม่รับการฉีดวัคซีนแสดงว่าคุณไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆจากรัฐ
P ตัวที่สาม คือ Place สถานที่จะฉีดวัคซีน ผมว่าเรายังต่างคนต่างทำกันนะครับ กรุงเทพมหานครก็มีของตัวเอง 25 แห่ง คมนาคมก็เสนอสถานีกลางบางซื่อ และอื่นๆ โดยส่วนตัวผมมองว่าควรเคลียร์ตรงนี้ใหม่หมด ให้ขอความร่วมมือกับเจ้าสัวในการขอใช้ T 214 สาขา, M 121 สาขา และ B 151 สาขา เป็นจุดที่จะใช้ฉีดวัคซีนดีไหมครับ ผมว่าอย่าไปยุ่งกับโรงพยาบาลเลย เพราะลำพังคนไข้ทั่วไป และคนไข้โควิดก็ล้นมืออยู่แล้ว โรงพยาบาลควรเป็นเพียงแต่ศูนย์กลางในการเก็บวัคซีนและจ่ายแจกพอ สำหรับผู้ฉีดให้ระดมจากแพทย์พยาบาลที่เกษียณไปแล้วอาสา, นิสิตนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย, นักเรียนพยาบาลปีสุดท้าย,เจ้าหน้าที่กู้ภัย และอาสาสมัครประชาชนมาทำการอบรมหลักสูตรการฉีดวัคซีนแบบเร่งรัดโดยแพทย์และพยาบาลหลักประจำแต่ละศูนย์ฉีดวัคซีน การใช้ห้างเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนย่อมทำให้ประชาชนเดินทางสะดวก มีที่จอดรถเพียงพอ
P ตัวสุดท้าย คือ Promotion ให้ใช้การประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีการเดียวกับการส่งข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
ยังบ้านของทุกคนทางไปรษณีย์ ซึ่งกรณีนี้ฐานข้อมูลจะคัดแยกคนอายุ 20 ปีขึ้นไปอยู่แล้ว และแยกกลุ่มตามหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งจะสัมพันธ์กับจุดฉีดซึ่งเหมือนหน่วยเลือกตั้ง และคำนวณวันที่ฉีดระบุไปในจดหมายฉบับนี้ซึ่งจะเป็นเสมือนบัตรลงทะเบียนฉีดวัคซีน หากใครไม่ไปตามวันเวลานัดหมายให้ถือว่าสละสิทธิ์ กรณีนี้ถือเป็นการกำหนดการฉีดโดยรัฐซึ่งจะง่ายกว่า และคำนวณวันเวลาพื้นที่การฉีดได้จากปริมาณสต็อควัคซีน การเปิดให้ลงทะเบียนไม่ว่าจะหมอพร้อม หรือหมอไม่พร้อมใดๆก็ตาม จะเพิ่มการบริหารจัดการที่ยาก การฉีดวัคซีนในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ที่จริงถ้าออกเป็นกฎหมายบังคับให้ฉีดได้ก็จะดี
ทั้งหมดนี้ผมหนักใจ P เดียวคือ Place กลัวเจ้าสัวไม่ยอม เพราะอาจกระทบต่อยอดขาย เพราะต้องใช้เวลาหลายเดือนทีเดียวกว่าจะจบ แต่ถ้าทีมการตลาดเจ้าสัวฉลาดและมองเห็นโอกาสอย่างที่ผมมอง ผมว่ารีบเสนอรัฐบาลตามนี้เลยครับ อุทิศสถานที่เป็นศูนย์ฉีดวัคซีน คุณจะมีลูกค้าจำนวนมากมายเข้ามาที่ห้างของคุณโดยไม่ต้องทำโปรโมชั่น แค่คุณทำคูปองส่วนลดแทนเงินสดพร้อมถุงผ้าแจกตรงจุดฉีดวัคซีน ฉีดเสร็จแล้วช็อปต่อเลย คิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงๆเวลานี้จำนวนลูกค้าเข้าห้างก็ลดลงอยู่แล้ว ไม่ลองก็ไม่รู้นะครับ...
เพื่อนรักจะยอมเสียเหลี่ยมไหมครับ?