คอลัมนิสต์ ฉาด /// “แล้วเราจะแก้ตัวยากมากขึ้น” คือประโยคที่แสดงให้เห็นว่า เขาเคยแก้ตัวกันมาแล้ว หรือ ?

“แล้วเราจะแก้ตัวยากมากขึ้น” 

หลาย ๆท่าน คงได้อ่านและได้รับรู้ข่าวเกี่ยวกับบันทึกการประชุมเฉพาะกิจร่วมระหว่างคณะกรรมการด้านต่าง ๆในการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
บันทึกการประชุมฉบับนี้ที่ก่อให้เกิดดราม่าในวงกว้าง จากกรณีที่จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เป็นเข็มที่ 3 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า  ที่แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคจำนวน 2 เข็มแล้ว แต่ก็ยังเกิดการติดโรคระบาดโควิด-19 ได้อยู่หลายราย ซึ่งมีเสียงในที่ประชุมที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย                             

ความดราม่ามันอยู่ตรงเหตุผลของคนที่ไม่เห็นด้วยที่ว่า ในขณะนี้ ถ้าเอาวัคซีนไฟเซอร์มาฉีดบุคลากรทางการแพทย์เป็นเข็มที่ 3 แสดงให้เห็นว่าเรายอมรับว่าการฉีด Sinovac (วัคซีนหลักที่ไทยใช้อยู่)จำนวน 2 เข็ม ไม่มีผลในการป้องกัน แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น

ท่านรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข ออกมาแก้ต่างอีกครั้งว่า ยอมรับว่าเอกสารจริง เอกสารหลุด เป็นการประชุมแผนกระจายวัคซีน ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ของจริง แต่เป็นเพียงแค่ความเห็น ไม่ใช่ข้อสรุป ยังไม่ได้นำไปปฏิบัติ การที่ท่านออกมาแก้ตัวแก้ต่างว่าเป็นแค่ความคิดเห็น ยังไม่ได้ลงมือทำ ก็เอาเถิดครับ ก็ให้บุคลากรทางการแพทย์เขาตัดสินกันเอาเองว่า แถหรือไม่ เชื่อหรือไม่ ก็ว่ากันไป แต่ประเด็นที่ผมขอพูดถึงก็คือ...

นี่คือการยอมรับแล้วใช่ไหมว่าวัคซีนซิโนแวคซึ่งเป็นวัคซีนหลักที่พวกท่านพยายามนำเข้ามาลอตแล้วลอตเล่า นั้นไม่มีคุณภาพ อาจสร้างภูมิได้แค่ข่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และไม่สามารถป้องกันการติดโควิดได้ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ถึงกับต้องใช้คำว่า ไม่มีผลในการป้องกัน...แล้วเราจะแก้ตัวยากมากขึ้น

“แล้วเราจะแก้ตัวยากมากขึ้น” คือประโยคที่แสดงให้เห็นว่า เขาเคยแก้ตัวกันมาแล้ว แก้กันมาตลอด แก้แล้ว แก้อีก บริหารงานด้วยการแก้ตัวและจะแก้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด การแก้ตัวมักเต็มไปด้วยเรื่องโกหกที่พยายามพูดขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องบางอย่างนั่นเอง เรามีผู้บริหารประเทศและคณะกรรมการที่มีมอตโต้ในการทำงานคือ แก้ตัว อยู่หรือครับนี่ ผมอยากร้องไห้ให้กับประเทศไทยเหลือเกิน สงสารประเทศไทย...รักเธอประเทศไทย

ค่อนข้างยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า คนที่ฉีดซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม อาจจะไม่มีภูมิคุ้มกันหลงเหลืออยู่ในร่างกายแล้วครับ หรือถ้ามีก็คงน้อยเหลือเกิน ไม่สามารถต้านทานขาใหญ่เดลต้าได้ เพราะรัฐบาลไม่พูดความจริงในเรื่องนี้ ทำให้ผมอดคิดต่อไม่ได้ว่า ตัวเลขต่าง ๆเกี่ยวกับโควิด-19 ที่ออกข่าวกันอยู่ทุกวันนั้นเป็นเท็จตามที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะตลาดสดต่าง ๆ หลายแห่ง พบผู้ติดหลักร้อยขึ้น แต่ไม่เคยเป็นข่าวเลยครับ มีคนเสกให้ตัวเลขหายไป

เพราะ...ไม่อยากแก้ตัวให้มันยากมากขึ้นครับ

ป.ล.วันนี้ (6 ก.ค.)ที่สภา วิป 3 ฝ่ายหารือร่วมกันขอให้รัฐสภาจัดซื้อวัคซีนเข็มที่สามมาฉีดให้สมาชิก เพราะเกรงว่าจะไม่มีภูมิหลงเหลือในร่างกายแล้ว...สรุปง่าย ๆ กลัวตายครับ